ที่ Magnolia Clinic by หมอกิฟท์

ศัลยกรรมถุงใต้ตาไร้รอยแผล เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาถุงใต้ตา โดยใช้วิธีการที่ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นให้เห็นชัดเจนภายนอก เป้าหมายหลักคือการกำจัดไขมันส่วนเกินที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา และปรับรูปร่างบริเวณใต้ตาให้ดูเรียบเนียน

ถุงใต้ตา คือ อาการบวมนูนที่เกิดขึ้นใต้ดวงตา ทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้าและดูแก่กว่าวัย เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น

• ไขมันใต้ตา: เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังบริเวณใต้ตาจะบางลง และไขมันใต้ตาจะเริ่มหย่อนคล้อยลงมา ทำให้เกิดเป็นถุงใต้ตา
• การพักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายผลิตสารที่ช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ได้ไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการบวมใต้ตา
• ดื่มน้ำน้อย: การดื่มน้ำไม่เพียงพอทำให้ร่างกายขาดน้ำ ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น และอาจทำให้เกิดอาการบวมใต้ตาได้
• พันธุกรรม: บางคนมีกรรมพันธุ์ที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาได้ง่าย
• การแพ้: อาการแพ้อาหาร หรือสารระคายเคืองต่างๆ อาจทำให้เกิดอาการบวมใต้ตาได้
• การใช้สายตาหนัก: การใช้สายตานานๆ เช่น การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ หรือการอ่านหนังสือ อาจทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาตึงเครียด และเกิดอาการบวมได้

การศัลยกรรมถุงใต้ตาไร้รอยแผล หรือเรียกอีกอย่างว่า การศัลยกรรมถุงใต้ตาแบบแผลใน ถือเป็นวิธีรักษาถุงใต้ตาที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีถุงใต้ตาหย่อนคล้อยไม่มาก มีถุงไขมันใต้ตายังไม่เยอะ

โดยคุณหมอกิฟท์จะทำการเปิดแผลเล็กๆ ผ่านทางเยื่อบุตาด้านใน จากนั้นก็จะเอาถุงไขมันใต้ตาส่วนเกินออก หรือทำการจัดเรียงไขมันใหม่ แล้วค่อยเย็บปิดแผลอย่างพิถีพิถัน ด้วยเทคเทคนิคของคุณหมอกิฟท์ ซึ่งส่งผลให้ไม่มีแผลจากด้านนอกให้เห็น

• สามารถล้างหน้าได้เลย หลังจากผ่าตัด
• สามารถแต่งหน้าได้เลย หลังจากผ่าตัด
• ไม่ต้องตัดไหม
• บวมช้ำน้อย หรือ แทบไม่มีการบวมช้ำเลย
• ไม่ต้องพักงาน หลังจากผ่าตัด
• ไม่ต้องปิดตากลับบ้าน หลังจากผ่าตัด สามารถขับรถได้เป็นปกติ

ที่คลินิกความงามแมกโนเลีย (Magnolia Clinic) มีแพทย์ผู้ชำนาญในการประเมินปริมาณไขมันที่ต้องเอาออกได้อย่างเหมาะสม ทำให้ไม่เกิดปัญหาตาโหล

ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก

• ประคบเย็น ช่วยลดอาการบวมและรอยช้ำ โดยใช้เจลเย็นที่พันด้วยผ้าหรือกระดาษที่สะอาดและแห้ง ในการประคบบริเวณรอบดวงตา
• ยกศีรษะสูง ช่วยลดการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณใบหน้า ทำให้ลดอาการบวมได้
• รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง

ช่วง 1 สัปดาห์แรก

• หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรง เช่น การยกของหนัก การออกกำลังกาย
• งดการสัมผัสบริเวณแผล
• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
• งดการใส่คอนแทคเลนส์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อดวงตา

ช่วง 1 เดือน

• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เช่น การวิ่ง การว่ายน้ำ
• หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อน เช่น ห้องซาวน่า
• หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ เพื่อป้องกันการกดทับบริเวณใบหน้า

การดูแลทั่วไป

• ทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตา ตามคำแนะนำของแพทย์
• พบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของแผล
• พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

หากมีอาการผิดปกติ เช่น แผลมีหนอง มีไข้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

***หมายเหตุ: ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพรวมถึงเลือกวิธีการที่เหมาะสม และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น